ความรู้เกี่ยวกับไฟแนนซ์

ไฟแนนซ์ (FINANCE)

ไฟแนนซ์ (FINANCE)

คือ สินเชื่อ เช่าซื้อ สิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เราต้องการ โดยมากจะเป็นรถและบ้าน โดยกรณีนี้ผู้ใช้บริการไฟแนนซ์(FINANCE)จะต้องมีเงินดาวน์ (DOWN PAYMENT) ในการซื้อ เป็นเบื้องต้น เช่น ซื้อรถหรือบ้าน ดาวน์ 5 – 25 % ของราคาสินค้า หลังจากนั้นก็จะเป็น หน้าที่ของบริษัทหรือธนาคารที่ให้บริการไฟแนนซ์ (FINANCE) ในการอนุมัติวงเงิน (APPROVAL)ใ นการกู้ยืม โดยขั้นตอนในการขออนุมัติวงเงิน (APPROVAL) ก็จะต้องมีเอกสารยืนยันที่หน้าเชื่อถือหรืออาจจะต้องมีผู้ค้ำประกัน หากจำเป็น ซึ่งหากเป็นข้าราชการก็จะได้รับความน่าเชื่อถือสูง หลังจากที่เราได้รับการอนุมัติวงเงิน (APPROVAL) แล้ว ก็สามารถผ่อนชำระค่างวดตามระยะเวลาที่เราได้ตกลงกับบริษัทหรือธนาคารที่เราทำการกู้ยืม เช่น 12 งวด 48 งวดหรือสูงสุดได้ถึง 82 งวด เป็นต้น ส่วนดอกเบี้ย(INTEREST) ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัทหรือแต่ละธนาคาร ซึ่งมีกฎเกณฑ์ที่แต่กันเล็กน้อย หากอัตราดอยเบี้ย (INTEREST) ของรถใหม่จะถูกว่ารถมือสองและหากเป็นรถที่มีอายุมากกว่า 15 ปี ก็ยิ่งจะมีดอกเบี้ย (INTEREST) ที่แพงขึ้นไปอีก เนื่องจากปัจจุบันบริษัทหรือธนาคารที่รับจัดไฟแนนซ์ (FINANCE) มีการแข่งขันทางการตลาดมากขึ้น เพื่อเรียกร้องให้มีลูกค้ามาใช้บริการของตนเอง

 โดยมีข้อกำหนดในการดำเนินการและการผ่อนชำระค่างวด ดังนี้       

-    โดยอัตราดอกเบี้ย (INTEREST) อาจจะเป็นแบบคงที่ คือ ตอนซื้อได้ดอกเบี้ยกี่เปอร์เซ็น ก็จะได้ดอกเบี้ย (INTEREST) อัตรา นั้นตลอดจนกว่าจะผ่อนชำระค่างวดหมด หรือเป็นการผ่อนชำระแบบลดต้นลดดอก คือ ต้นทุนการผ่อนชำระลดลง ดอกเบี้ย (INTEREST) ก็จะลดลงไปตามความเหมาะสม ด้วยขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัทหรือธนาคารนั้นเป็นเกณฑ์

-    อัตราดอกเบี้ย (INTEREST) ที่ได้รับจะขึ้นอยู่กับยี่ห้อรถโดย ซึ่งหากเป็นรถตลาดก็จะได้ดอกเบี้ย (INTEREST) ที่ต่ำกว่า เช่น TOYOTA , HONDA , ISUZU , NISSAN , MITSUBISHI เป็นต้น และหากเป็นรถมือสอง ดอกเบี้ย (INTEREST) ก็จะแพงขึ้นตามปี

-   ในการซื้อรถใหม่จะต้องมีค่าจดทะเบียนและค่าดำเนินการต่าง ๆ ที่บริษัทหรือธนาคารกำหนด เพื่อให้เป็นกรรมสิทธิ์ของเรา แต่หากเป็นรถมือสองจะต้องมีการค่าโอนทะเบียนและค่าดำเนินการต่าง ๆ ที่บริษัทหรือธนาคารกำหนด เพื่อให้เป็นกรรมสิทธิ์ของเรา

-   ในแต่ละปีจะต้องมีค่าเสียภาษีรถประจำปี โดยค่าภาษี (TAX) จะขึ้นอยู่กับประเภทรถที่เราใช้อยู่

-    หากรถของเรามีการเปลี่ยนแปลงสภาพไปจากเดิมจะต้องมีการแจ้งเปลี่ยนสภาพรถและเสียค่าจดทะเบียนด้วย เช่น เปลี่ยนสีรถ , เปลี่ยนระบบเชื้อเพลิง , เปลี่ยนชื่อเจ้าของ , เปลี่ยนทะเบียน เป็นต้น และยังมีข้อกำหนดอีกมากมายที่ต้องศึกษา โดยสามารถศึกษาได้ที่บริษัทหรืธนาคารที่เราเป็นลูกค้าอยู่

-    จะต้องมีการจ่ายค่าประกันภัยรถ (INSURANCE) บริการนี้จำเป็นที่จะต้องมีติดรถไว้ ไม่ว่าจะเป็นรถประเภทได้ก็ตาม ราคาขึ้นอยู่กับประเภทรถและประเภทของประกันภัย (INSURANCE)  ที่มีให้เลือกหลายระดับ ตั้งแต่ ชั้น 1 – 3 โดยประกันภัย(INSURANCE) ชั้น 1 จะเป็นที่นิยมมากกว่า เนื่องจากมีเงื่อนไขในการคุ้มครองที่มากกว่า และราคาที่ห่างจาก ชั้น 2 – 3 ไม่กี่พันบาท

-   หากจ่ายเงินค่างวดล่าช้า จำเป็นต้องมีค่าปรับตามที่บริษัทหรือธนาคารกำหนด ซึ่งอาจคิดเป็นงวด หรือถ้าหากขาดชำระหลาย ๆ งวด ทางบริษัทหรือธนาคารก็จะมีค่าปรับในการทวงถาม , ติดตามรถและการดำเนินคดีในชั้นศาล เพิ่มขึ้นอีกด้วย

ข้อดีของ ไฟแนนซ์ (FINANCE)

-    ช่วยให้เราสามารถมีทรัพย์สินราคาแพงมาไว้ในครอบครอง โดยไม่ต้องซื้อเป็นเงินสดในคราวเดียว

-    สามารถผ่อนชำระได้เป็นงวด ๆ

-    สามารถใช้เวลาในการผ่อนชำระได้นาน แต่ไม่เกิน 84 เดือน

-    สามารถคุมค่าใช้จ่ายได้เนื่องจากมียอดชำระเท่า ๆ กันทุกเดือน

ข้อเสียของ ไฟแนนซ์ (FINANCE)

-    หากคุณสมบัติของผู้ขอสินเชื่อไม่เป็นไปตามเกณฑ์ของบริษัทหรือธนาคาร อาจมีสิทธิ์ไม่ผ่านการพิจาราณาได้

-    แต่ละบริษัทหรือธนาคารมีดอกเบี้ย(INTEREST)ที่ไม่เท่ากัน สินทรัพย์บางชนิดหรือบางประเภทมีดอกเบี้ย(INTEREST)ที่ต่างกัน ขึ้นอยู่กับตัวสินทรัพย์

-    มีค่าปรับเพิ่มเติม หากชำระเงินล่าช้า

เอกสารให้การใช้ยืนขอ ไฟแนนซ์ (FINANCE)

คุณสมบัติเบื้องต้นของลูกค้า

บุคคลธรรมดา

ü เป็นบุคคลธรรมดา อายุ 20 ปี ขี้นไป ต้องไม่เป็นบุคคลล้มละลาย หรือไร้ความสามารถ

ü ประกอบอาชีพสุจริต สามารถตรวจสอบได้

ü หากทำงานประจำต้องมีอายุงาน 1 ปี หรือประกอบอาชีพส่วนตัวต้องมีอายุงาน 2 ปี ขึ้นไป

ü เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในรถยนต์ รถยนต์จดทะเบียนไม่เกิน 10 ปี

ü มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง

ü มีหมายเลขโทรศัพท์พื้นฐาน

นิติบุคคล

ü ผู้ขอสมัครหรือขอรับบริการจะต้องไม่เป็นนิติบุคคลที่ล้มละลาย

ü ผู้ขอสมัครหรือขอรับบริการจะต้องเป็นนิติบุคคลที่ดำเนินธุรกิจดีมีฐานะการเงินมั่นคง

ü ผู้ขอสมัครหรือขอรับบริการ จะต้องมีวัตถุประสงค์ของนิติบุคคลให้กระทำการ “เช่าซื้อ” ได้

ü ผู้สมัครต้องมีสถานที่อันเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่หรือสถานที่อันเป็นที่ตั้งที่ทำการ เป็นหลักแหล่ง

ü เชื่อถึงได้

ü มีหมายเลขโทรศัพท์พื้นฐานที่ตรวจสอบได้

เอกสารให้การใช้ยืนขอ ไฟแนนซ์ (FINANCE) มีดังนี้

เอกสารในการยืนนิติบุคคล

-   สำเนาบัตรประชาชน

-   สำเนาทะเบียนบ้าน (หน้าแรกกับหน้าที่มีชื่อตนเอง)

-   สำเนาบัญชีธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน (หน้าแรกและหน้าบัญชี)

-   สำเนาใบทะเบียนการค้า / สำเนาหนังสือรองรับการจดทะเบียนบริษัท / หจก. อย่างน้อย 1 ปี

-   เอกสารผู้ค้ำประกัน 1 ท่าน ที่มีรายได้มากกว่าสินค้าที่เราต้องการผ่อน 1 เท่า (มีหรือไม่มีก็ได้ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของบริษัท หรือธนาคาร)

เอกสารในการยืนบุคคลธรรมดา

-   สำเนาบัตรประชาชนหรือบัตรข้าราชการหรือบัตรพนักงานรัฐวิสาหกิจ

-   สำเนาทะเบียนบ้าน (หน้าแรกกับหน้าที่มีชื่อตนเอง)

-    เอกสารยืนยันรายได้ , สลิปเงินเดือน / หนังสือรับรองเงินเดือน ภายใน 3 เดือนล่าสุดหรือหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (50 ทวิ) ของปีล่าสุด

-    เอกสารผู้ค้ำประกัน 1 ท่าน ที่มีรายได้มากกว่าสินค้าที่เราต้องการผ่อน 1 เท่า (มีหรือไม่มีก็ได้ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของบริษัทหรือธนาคาร)