ความรู้เกี่ยวกับลิสซิ่ง

ลิสซิ่ง (LEASING)

ลิสซิ่ง (LEASING) คือ อะไร ลิสซิ่ง(LEASING) คือ การเช่า หรือ  การให้เช่า สิ่งได้สิ่งหนึ่ง โดยมากจะเป็นการให้สินเชื่อ จากบริษัท   เอกชนหรือธนาคารต่างๆ เกี่ยวกับรถทุกประเภท โดยตาม  ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ในเรื่องเอกเทศสัญญา มี บทบัญญัติเกี่ยวกับซื้อขาย แลกเปลี่ยนให้ เช่าทรัพย์ เช่าซื้อ ฯลฯ แต่ ยังไม่มีบทบัญญัติเกี่ยวกับลิสซิ่ง(LEASING)ไว้เป็นการเฉพาะเมื่อ พิจารณาจากรูปแบบของสหรัฐอเมริกา  ลิสซิ่ง (LEASING)  คือ สัญญา ที่เจ้าของทรัพย์สินรถยนต์ให้บุคคล อีกฝ่ายหนึ่ง ใช้ ประโยชน์จาก รถยนต์นั้นได้ โดยมีเงื่อนไขและข้อจำกัดตามที่ระบุ ไว้ในสัญญา และ  ต้องชำระให้ตรงตามราคาที่กำหนดไว้ หรือเปรียบเทียบ ต้องชำระให้ตรงตามราคาที่กำหนดไว้ หรือเปรียบเทียบยกตัวอย่าง  แบบชาวบ้าน ๆ คือ เราเอารถไปขาย ให้เขาช่วยซื้อของเรา ด้วยมีการ ตกลงราคา ให้ทั้ง 2 ฝ่าย เป็นที่พอใจ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราก็ควรมีเงินติดกระเป๋าอยู่บ้างสัก 10,000 - 20,000 บาท เพราะทุกอย่างต้องใช้เงินในการดำเนินการแล้วทำการ ซื้อ-ขาย โอนทะเบียนรถให้เป็นกรรมสิทธิ์ของเขา หลังจากนั้นเราก็รับเงินมาให้สบาย ๆ ง่ายจริง ๆ แต่จะทำยังไง ให้เรามีเงินใช้ด้วยแล้วก็ยังมีรถใช้ด้วยเพราะเราต้องทำงานหาเงิน ยังต้องเดินทางอยู่ทุกวัน เพราะเป็นที่รู้กันว่าคนที่มาใช้บริการ คือ คนที่มีปัญญาด้านการเงิน เช่น ต้องการเงินหมุน ต้องการขยายธุระกิจ หรือการดำเนินธุระกิจที่ไม่ต้องการให้สะดุดกลางคัน ไม่ยากเลย เราก็ไปขอเช่ารถของเขา(ซึ่งเดิมเป็นรถของเรา) แล้วจ่ายค่าเช่าให้ทุกเดือนแล้วถ้าเราอยากได้รถของเราคืนละ ก็ไม่ยากอีกเหมือนกัน เราก็จ่ายค่าเช่าให้ครบตามจำนวนที่เขาซื้อของเราไป+ค่าดอกเบี้ยที่เขากำหนด เท่านี้รถก็กลับมาเป็นของเราตามเดิมแล้ว แต่ความจริงในสัญญาลิสซิ่งรถยนต์ ยังมีรายละเอียดต่างๆอีกมากมาย คือ

-    สัญญาลิสซิ่ง(LEASING) จะมีค่าทำเนียบในการทำสัญญาแรกเข้า เพื่อเป็นค่าดำเนินการต่าง ๆ โดยมีการแยกประเภทตามชนิดของรถเช่น รถเก๋ง รถกะบะ รถเพื่อการพาณิชย์หรือรถจักยานยนต์

-    สัญญาลิสซิ่ง(LEASING)  จะต้องมีค่าใช้จ่ายในการโอนทะเบียนรถ เพื่อให้เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทรับทำ  ลิสซิ่ง(LEASING)

ณ กรมขนส่งทางบก

-    สัญญาลิสซิ่ง(LEASING)  จะมีค่าบริการต่อภาษีประจำปี ซึ่งจะต้องมีการทำ ทุก ๆ ปี ซึ่งค่าภาษีจะขึ้นอยู่กับประเภทรถและปีของรถด้วย

-    สัญญาลิสซิ่ง(LEASING)  จะมีค่าเปลี่ยนแปลงรายการจดทะเบียน เช่น เปลี่ยนสี , เปลี่ยนเครื่องยนต์ , เปลี่ยนระบบเชื้อเพลิง เป็นต้น ส่วนค่าใช้จ่าย ขึ้นอยู่กับประเภทของรถ เช่นกัน

-    สัญญาลิสซิ่ง(LEASING) จะต้องมีการเสียค่าปรับต่าง ๆ ตามที่บริษัทกำหนด เช่น ไม่ทำสัญญาเอกสารตามกำหนด , จ่ายค่างวดไม่ตรงวันที่กำหนด โดยจะคิดค่าดำเนินการเป็นรายวัน , ค่าปรับกรณีเรียกเก็บไม่ได้ เช่น ลูกค้ากำหนดให้หักจะบัญชีธนาคารที่ตัวเองเป็นเจ้าของแต่เก็บไม่ได้ เป็นต้น

-     สัญญาลิสซิ่ง(LEASING)  จะต้องมีการเสียค่าอากรแสตมป์ คือ สัญญาเช่าซื้อ , สัญญาค้ำประกัน

-    สัญญาลิสซิ่ง(LEASING)  หากลูกค้าหนีหนี้ จะมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการทวงหนี้ ตามรถและการดำเนินการกับศาล โดยจะมีการคิดเป็นงวดหรือเป็นวัน แล้วแต่เงื่อนไขของแต่ละบริษัท

-   สัญญาลิสซิ่ง(LEASING)  หากเลิกสัญญาก่อนกำหนดจะต้องเสียค่าปรับตามที่กำหนดไว้ซึ่งแต่ละ ลิสซิ่ง(LEASING) หากเรายกเลิกสัญญาเร็วก็จะมีค่าเสียหายที่มากขึ้น

-    สัญญาลิสซิ่ง(LEASING)  อาจต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเมื่อสิ้นสุดสัญญา เช่น รถเสียหาย วิ่งเกินไมล์ที่กำหนด และอื่น ๆ ตามที่บริษัทกำหนด เป็นต้น

-  สัญญาลิสซิ่ง(LEASING) เมื่อสัญญาเช่าสิ้นสุดลงจะมีทางเลือกให้เราได้เลือก ว่าเราต้องการซื้อรถกลับหรือไม่ต้องการ โดยไม่กำหนดว่าต้องซื้อกลับเพียงอย่างเดียวแต่หากต้องการซื้อคืน ก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มบ้างเล็กน้อย แล้วแต่กำหนดการของแต่ละบริษัท

ประเภทรถที่รับจัดลิสซิ่ง(LEASING)

-                    รถเก๋ง

-                    รถปิคอัพ

-                    รถเพื่อพาณิชย์

-                    รถจักยานยนต์

หมายเหตุ วงเงินในการอนุมัติ จะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย โดยจะดูสภาพรถเป็นหลัก ดูปีของรถ ระยะทางในการวิ่ง สีรถ รุ่นและยี่ห้อรถ ตามลำดับ ซึ่งสามารถอนุมัติได้สูงสุดถึง 100 %

ข้อดีของลิสซิ่ง(LEASING)

- ไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน นอกจากสินทรัพย์ที่เรานำมาขอวงเงิน

-  สามารถใช้เวลาในการผ่อนชำระนาน แต่ไม่เกิน 84 เดือน

-  สามารถคุมค่าใช้จ่ายได้เนื่องจากมียอดชำระเท่า ๆ กันทุกเดือน

-  สามารถครอบครองสินทรัพย์นั้นได้เหมือนเดิม โดยไม่มีกันยึดสินทรัพย์เหมือนกันจำนำ

-  มีการพิจาราณาให้วงเงินที่สูง และอาจสูงถึง 100% ของสินทรัพย์

-  สะดวกรวดเร็ว ไม่ต้องรอนาน

-  เป็นแหล่งเงินทุนในการทำธุรกิจ

ข้อเสียของลิสซิ่ง(LEASING)

-  มีขั้นตอนในการดำเนินการหลายขั้นตอนและอยู่ขั้นตอนมีค่าใช้จ่าย

-  แต่ละบริษัทหรือธนาคารมีดอกเบี้ยที่ไม่เท่ากัน สินทรัพย์บางชนิดหรือบางประเภทมีดอก
เบี้ยที่ต่างกัน ขึ้นอยู่กับตัวสินทรัพย์

-  มีค่าปรับเพิ่มเติม หากชำระเงินล่าช้า

เอกสารในการขอ ลิสซิ่ง (LEASING)

คุณสมบัติเบื้องต้นของลูกค้า

-  - เป็นบุคคลธรรมดา อายุ 20 ปี ขี้นไป ต้องไม่เป็นบุคคลล้มละลาย หรือไร้ความสามารถ

-  - ประกอบอาชีพสุจริต สามารถตรวจสอบได้

-  - เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในรถยนต์ รถยนต์จดทะเบียนไม่เกิน 10 ปี

-  - มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง

-  - มีหมายเลขโทรศัพท์พื้นฐาน

  เอกสารในการขอ ลิสซิ่ง (LEASING)

บุคคลธรรมดา

-  สำเนาทะเบียนบ้าน

-  สำเนาบัตรประชาชนหรือบัตรข้าราชการหรือบัตรพนักงานรัฐวิสาหกิจ

-  คู่มือทะเบียนรถยนต์หรือทะเบียนเกี่ยวกับสินทรัพย์ที่ต้องการยื่น

-  สินทรัพย์หรือตัวรถ เพื่อใช้ในการพิจาราณาขอวงเงิน

-  เอกสารแสดงรายได้  เช่น สมุดบัญชีธนาคาย้อน หลัง 6 เดือน , สลิปเงินเดือน หรือ หนังสือรับรอง การทำงาน

-  เอกสารรายได้ของผู้ค้ำประกัน (บางบริษัทหรือธนาคารที่ต้องการเอกสารนี้)

เอกสารในการยืนนิติบุคคล

-  สำเนาหนังสือรับรองบริษัทพร้อมวัตถุประสงค์ อายุไม่เกิน 90 วัน

-  สำเนาทะเบียนบ้าน(ของกรรมการที่มีอำนาจลงนาม)

-  สำเนาบัตรประชาชน(ของกรรมการที่มีอำนาจลงนาม)

-  เอกสารแสดงรายได้  เช่น สมุดบัญชีธนาคารย้อน หลัง 6 เดือน , สลิปเงินเดือน หรือ หนังสือรับรอง การทำงาน

-  เอกสารรายได้ของผู้ค้ำประกัน (บางบริษัทหรือธนาคารที่ต้องการเอกสารนี้)

-  รายการสินทรัพย์ที่ต้องพิจาราณาขอสินเชื่อ

-  แผนที่ตั้งกิจการ